1905 จำนวนผู้เข้าชม |
รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิชญ์ บรรณหิรัญ
American Board of Sleep Medicine,
Certified International Sleep Specialist
ปัจจุบันการใช้เลเซอร์ (Erbium-YAG laser) เริ่มเป็นที่นิยมในการนำมาใช้รักษานอนกรน และโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นระดับไม่รุนแรง ทีมีปัญหาเพดานอ่อน คอหอย หย่อนตัว เนื่องจากไม่มีความเจ็บปวด ไม่ต้องฉีดยาชา ไม่ต้องผ่าตัดอะไร มีความเสี่ยงต่ำ สามารถทำเสร็จแล้วกลับได้เลย
หลักการของเลเซอร์ คือ แสงจะทำปฏิกิริยากับน้ำในชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้เกิดความร้อน มีการหดตัวของคอลลาเจน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ผลดังกล่าวทำให้เนื้อเยื่อบริเวณเพดานอ่อน และผนังคอหอย มีความตึงตัวมากขึ้น
การรักษาด้วยเลเซอร์แต่ละครั้ง ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที และส่วนใหญ่ต้องทำอย่างน้อย 3-5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากไม่มีการตัดเนื้อเยื่อใด ๆ จึงไม่มีเลือดออก และไม่มีความเจ็บปวด แต่อาจระคายเยื่อบุ ปากแห้งอยู่บ้าง
ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกรายจะได้ผล เนื่องจากสาเหตุของการนอนกรนหรือโรคหยุดหายใจขณะหลับมีอีกหลายอย่าง เช่น เยื่อบุจมูกอักเสบเรื้อรัง ภูมิแพ้ จมูกคด ริดสีดวงจมูก น้ำหนักตัวมากหรืออ้วน คางสั้น ลิ้นไก่ยาว ทอนซิลโต เนื้องอกในทางเดินหายใจส่วนบน กล้ามเนื้อหย่อนผิดปกติ และอื่น ๆ
ดังนั้นก่อนการรักษาจึงควรพบแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ (sleep specialist) หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น โสต ศอ นาสิกแพทย์ เพื่อประเมินหาสาเหตุก่อน ด้วยการซักประวัติที่เกี่ยวข้องรวมถึงโรคประจำตัว และตรวจร่างกายตามระบบ และตรวจทางเดินหายใจอย่างละเอียด โดยแพทย์อาจพิจารณาแนะนำให้ทำการทดสอบการนอนหลับ (sleep test) ส่องกล้อง หรือฟิล์มเอกซเรย์ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้แนวทางการรักษานอนกรนและโรคหยุดหายใจขณะหลับ ปัจจุบันนิยมใช้การรักษาแบบเฉพาะบุคคล (personalized therapy) เนื่องจากมีการคำนึงถึงและเคารพความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด โดยการเลือกวิธีรักษา พิจารณาจากผลตรวจ sleep test มาใช้ช่วยประเมิน ชนิด ลักษณะ ความรุนแรง และความเสี่ยง ของโรค ร่วมกับลักษณะของผู้ป่วย เช่น อายุ เพศ โรคประจำตัว ดัชนีมวลกาย อาการความง่วงผิดปกติ ฯลฯ
ก่อนรักษาผู้ป่วยควรทราบถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อตัดสินใจร่วมกัน (participation) นอกจากนี้ผู้ป่วยควรทราบถึงทางเลื้อกในการรักษานอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับอื่น ๆ อีกหลายแบบ โดยอาจใช้การรักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือใช้ร่วมกัน เช่น การลดน้ำหนัก สุขอนามัยการนอน การปรับท่านอน การบริหารช่องปากและคอหอย บางรายควรใข้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP), อุปกรณ์ในช่องปาก (oral appliances), การผ่าตัดทางเดินหายใจส่วนบน ยาหรือทางเลือก เครื่องกระตุ้นประสาท และอื่น ๆ ดังนั้นการตัดสินใจข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เฉพาะก่อน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและเหมาะสมต่อไป