การผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่เพดานอ่อนและคอหอย รักษานอนกรน

21989 Views  | 

การผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่เพดานอ่อนและคอหอย รักษานอนกรน

รองศาสตราจารย์นายแพทย์ วิชญ์  บรรณหิรัญ
American Board of Sleep Medicine
Certified International Sleep Specialist  

การผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่เพดานอ่อนและคอหอยแบบดัดแปลง (modified uvulopalatopharyngoplasty หรือ UPPP) เป็นการผ่าตัดเทคนิคใหม่ในการรักษานอนกรน และโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea หรือ OSA) ทำโดยการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อที่หย่อนบริเวณลิ้นไก่และเพดานอ่อนบางส่วนออกเล็กน้อย (ยังมีลิ้นไก่เหลืออยู่) และเย็บซ่อมสร้างด้วยไหมละลายเพื่อทำให้ทางเดินหายใจบริเวณคอหอยกว้างขึ้น วิธีนี้นิยมทำร่วมกับการผ่าตัดทอนซิล (tonsillectomy) โดยการผ่าตัดจะทำผ่านทางการใส่เครื่องมือทางช่องปาก (ไม่มีแผลที่เห็นได้จากภายนอก) ภายใต้การดมยาสลบ และใช้เวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน

ผลการรักษา
มีงานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า หากวินิจฉัยและเลือกผู้ป่วยอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะผู้ที่มีต่อมทอนซิลโตมาก หรือลิ้นไก่ยาว  รูปร่างไม่อ้วน ลิ้นไม่ใหญ่ และไม่มีขากรรไกรผิดรูป หากใช้เทคนิคการทำที่เหมาะสมการผ่าตัดนี้จะสามารถลดการนอนกรน หลับสนิทมากขึ้น ลดอาการง่วงกลางวัน และบรรเทาภาวะแทรกซ้อนของโรคหยุดหายใจขณะหลับได้

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
เนื่องจากการผ่าตัดต้องทำภายใต้การดมยาสลบ ดังนั้นก่อนการผ่าตัดแพทย์จะใช้ผลการทดสอบการนอนหลับ (sleep test) และประเมินทางเดินหายใจส่วนบนอย่างละเอียด เพื่อหาตำแหน่ง ระดับความรุนแรง ลักษณะและส่วนประกอบของทางเดินหายใจส่วนบนที่อุดกั้นด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การตรวจร่างกายทางโสต ศอ นาสิก ศีรษะ ใบหน้าและลำคออย่างละเอียด หรืออาจส่งถ่ายภาพรังสีของกะโหลกศีรษะ นอกจากนี้ต้องมีการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรืออื่น ๆ เพื่อประเมินความพร้อมของสุขภาพผู้ป่วย โดยเฉพาะหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหลายอย่าง อาจต้องเตรียมห้องพักฟื้นพิเศษ หรือต้องหยุดยาบางชนิดล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น แอสไพริน ยาละลายลิ่มเลือด และอาหารเสริมบางอย่างที่อาจมีผลต่อการผ่าตัดและการดมยาสลบ ในวันผ่าตัดควรงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6-7 ชั่วโมง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ ทั้งนี้ผู้ป่วยควรจะรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เช่น พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันไข้หวัดหรือการติดเชื้อ

ความเสี่ยงของการผ่าตัด
โดยทั่วไปพบไม่บ่อย เช่น เลือดออกจากแผลทางปาก ส่วนใหญ่มักมีปริมาณไม่มากและหยุดได้เอง แต่บางรายถ้าเลือดออกไม่หยุดอาจต้องไปทำการห้ามเลือดในห้องผ่าตัด (พบได้ร้อยละ 2-3) ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกหายใจลำบากจากการบวมของทางเดินหายใจรอบแผลผ่าตัด (กรณีที่อาการรุนแรงมาก อาจต้องคาท่อช่วยหายใจแล้วเอาออกภายหลัง) และบางรายอาจมีสำลักน้ำหรืออาหารขึ้นจมูกเวลารับประทานอาหารในช่วงแรกซึ่งมักเป็นเพียงชั้วคราว กรณีที่มีอาชีพใช้เสียงมาก เช่น นักร้องหรือวิทยากร นักชิมอาหาร พ่อครัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน เนื่องจากบางรายอาจมีการรับรสหรือเสียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามผู้ป่วยสามารถพูดได้ชัดและสื่อสารได้ตามปรกติ นอกจากนี้บางรายอาจมีแผลบริเวณเหงือก ลิ้น หรืออาจมีฟันโยก จากการใส่เครื่องมือในช่องปาก บางครั้งอาจมีการติดเชื้อหลังผ่าตัดแต่พบได้น้อย แต่ความเสี่ยงรุนแรงอื่น ๆ เช่น ปอดอักเสบหรือน้ำท่วมปอด พบได้น้อยมาก อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น อ้วนมาก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเลือด โรคหัวใจและโรคปอด อาจมีอัตราเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนสูงขึ้น ดังนั้นก่อนผ่าตัด ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ และทีมบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะให้คำแนะนำข้อมูลต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยซักถามข้อกังวลสงสัย เมื่อผู้ป่วยพร้อมและเข้าใจกระบวนการต่าง ๆ จะมีการลงนามในเอกสารแสดงความยินยอมเข้ารับการผ่าตัดต่อไป

การดูแลรักษาหลังผ่าตัด
การดูแลขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย ส่วนมากต้องพักฟื้นเพื่อเฝ้าสังเกตอาการในโรงพยาบาลหลังผ่าตัด 1-2 วัน เพื่อให้น้ำเกลือและยาทางหลอดเลือดดำ จนกระทั่งผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้นและพร้อมออกจากโรงพยาบาล ในช่วงแรกผู้ป่วยอาจเห็นฝ้าสีขาวและเห็นไหมที่เย็บไว้ซึ่งจะละลายได้เองภายในเวลา 1-2 เดือน และผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บคอ  กลืนลำบาก รับประทานไม่ค่อยสะดวก ทำให้มีน้ำหนักลดได้ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยจะได้รับยาที่จำเป็น เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ และยาหยอดจมูก เพื่อลดการบวมของทางเดินหายใจในช่วงแรก ผู้ป่วยควรนอนศีรษะสูง (ใช้หมอนหนุนหรือเตียงที่ปรับได้) อมน้ำแข็งบ่อย ๆ งดเล่นกีฬาที่หักโหม งดยกของหนัก หลีกเลี่ยงการขับเสมหะหรือจามแรง ๆ  และควรรับประทานอาหารเหลวหรืออ่อน เช่น ไอศกรีม โยเกิร์ต เครื่องดื่มที่ให้พลังงาน เต้าหู้ เต้าฮวย พุดดิ้ง วุ้น โจ๊ก ข้าวต้ม ไม่ควรรับประทานอาหารแข็ง ร้อน หรืออาหารรสรสจัด (ประมาณ 1-2 สัปดาห์แรก) และควรรักษาความสะอาดในช่องปาก เช่น บ้วนปากและแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร รวมเวลาที่ใช้พักฟื้นประมาณ 7-10 วัน อย่างไรก็ตามหากมีอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์  

การนัดตรวจติดตามอาการ    
หลังผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ แพทย์จะนัดมาติดตามผลเพื่อดูอาการ ตรวจแผลและฟังผลชิ้นเนื้อ (ถ้ามีการส่งตรวจ) หลังจากนั้น 3-4  สัปดาห์ จะนัดมาเพื่อประเมินผลการรักษาและนัดห่างขึ้นเพื่อพิจารณาแนวทางการดูแลอื่น ๆ ที่เหมาะสม ทั้งนี้ผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจนัดทำการทดสอบการนอนหลับอีกครั้งหลังการผ่าตัดตามความจำเป็นต่อไป



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  and  นโยบายคุกกี้